03 สิงหาคม 2551

นักบริหารเอกชนกับรัฐ?

ผมเองเคยนั่งคิดเล่นๆ ว่า “นักบริหารของหน่วยงานภาครัฐกับภาคเอกชน” นั้น จะต้องมี “คุณลักษณะ” อะไรที่คล้ายกันหรือแตกต่างกันกันบ้าง ท่านผู้อ่านคิดว่าอย่างไรครับ
ผมว่า ในส่วน “คุณลักษณะที่คล้ายกัน” ของนักบริหารทั้งภาครัฐและเอกชน น่าจะได้แก่
ต้องเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ ซึ่งวิสัยทัศน์ในที่นี้ จะต้องมีความกว้างไกล ลุ่มลึก สามารถแลเห็นหรือคาดการณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ตั้งแต่ขั้นเริ่มก่อตัวหรือยังไม่ก่อตัว พร้อมทั้งผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อองค์กรทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ อีกทั้งต้องเป็นผู้ที่สามารถบอกหรือชี้ให้เห็นได้ว่าองค์กรของตนเองในอนาคต ควรจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นเช่นไร
ต้องเป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์ เรื่องนี้ถือว่า สำคัญเป็นอย่างมากครับ และเป็นเรื่องที่สอนกันไม่ได้ด้วย ผมว่ามันคือเรื่องของ “จิตสำนึก” มากกว่า “การท่องจำ” จากตำราใดๆ
ต้องเป็นผู้ที่มีทัศนคติที่เป็นบวก กล่าวคือ ต้องเป็นผู้ที่ให้ความสำคัญต่อการฟัง การคิด การพูด และพร้อมเสมอที่จะเข้าไปเปลี่ยน “อุปสรรค” ให้เป็น “โอกาส” อยู่ตลอดเวลา
ต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถและพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ซึ่ง คำว่า ความสามารถ ในที่นี้ หมายรวมถึง ความรอบรู้ในงานของตนเองถ่องแท้ ตั้งแต่ความสามารถขั้นพื้นฐาน ความสามารถในการวิเคราะห์ปัญหา และความสามารถตัดสินใจในเชิงตรรกศาสตร์
ต้องเป็นผู้ที่เข้าใจถึงความแตกต่างของคำว่า “Leader” กับ “Manager” ซึ่งอันนี้ ผมหมายความดังนี้ครับ
-Manager คือ ผู้ที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการปฎิบัติงาน แต่ Leader คือ ผู้ที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการคิด
-Manager คือ ผู้ลอกความคิดใหม่ๆไปใช้ แต่ Leader คือ ผู้สร้างความคิดใหม่ๆ ขึ้นมา
-Manager คือ ผู้ที่สนใจเฉพาะโครงสร้างองค์กรและระบบงาน แต่ Leader คือ ผู้ที่สนใจกับบุคลากรในองค์กรทุกคน
-Manager คือ ผู้ที่เน้นการควบคุมบุคคล แต่ Leader คือ ผู้ที่ให้ความสำคัญกับความเชื่อใจต่อบุคคล
-Manager คือ ผู้ที่มองภาพระยะสั้น แต่ Leader คือ ผู้ที่มีมองไกล และมักจะวิเคราะห์สถานการณ์กับผลกระทบอยู่ตลอดเวลา
-Manager คือ ผู้ที่มักจะตั้งคำถามว่า “จะให้ทำอย่างไร” หรือ “จะให้ทำเมื่อไหร่” แต่ Leader คือ ผู้ที่มักจะตั้งคำถามว่า “จะทำอะไร” หรือ “ทำไมต้องทำ”
-Manager คือ ผู้ที่เน้นเป้าหมายสุดท้ายขององค์กร แต่ Leader คือ ผู้ที่พยายามให้ทุกๆ เป้าหมายขององค์กรมีความสำเร็จอย่างเหมาะสม
-Manager คือ ผู้ที่มักพึงพอใจต่อสถานภาพในปัจจุบันของตนเอง แต่ Leader คือ ผู้ที่ไม่เคยพึงพอใจและต้องการเปลี่ยนแปลงให้องค์กรดีขึ้นอยู่ตลอดเวลา
ต้องสามารถเล่น “บทบาทผู้นำทั้ง 4” ได้เป็นอย่างเหมาะสม หมายความว่า นักบริหารทั้งสองภาคดังกล่าว จะต้องรู้จักเล่น “บทบาทต่างๆ” ดังต่อไปนี้
Spokesperson คือ ต้องสามารถสื่อสารกับบุคคลต่างๆ โดยเฉพาะกับบุคคลภายนอกองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ขององค์กร หรือการแถลงข่าวสารใดๆ ก็ตาม คือ พูดจารู้เรื่อง เข้าใจง่าย
Direction Setter คือ ต้องรู้จักกำหนดทิศทางข้างหน้าหรือวิสัยทัศน์องค์กร และสามารถทำให้บุคคลในองค์กรเข้าใจในวิสัยทัศน์ดังกล่าวร่วมกันเป็นอย่างดี เพื่อที่จะร่วมกันสร้างพลังขับเคลื่อนขนาดใหญ่ให้แก่องค์กร
Coach คือ ต้องรู้จักทำหน้าที่เหมือนโค้ชนักกีฬา หมายความว่า รู้จักดูแล ควบคุม กระตุ้น ทีมงานภายในองค์กร ให้มีความรู้สึกตื่นตัว กระฉับกระเฉง พร้อมที่จะทำงานร่วมกันเป็นทีมและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นตลอดเวลา
Change Agent คือ ต้องสามารถชี้ให้บุคลากร “ภายใน” องค์กร เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญจากภายนอกและผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งหากองค์กรต้องการจะอยู่รอด จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่เหมาะสม ซึ่งเป็นการชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลง อีกทั้งต้องสามารถลดแรงต่อต้านจากบุคคลภายในองค์กรที่ยังไม่เข้าใจได้
สำหรับ “คุณลักษณะที่แตกต่างกัน” ระหว่างนักบริหารภาครัฐและเอกชนนั้น น่าจะได้แก่
1. “นักบริหารภาคเอกชน” มักจะมุ่งสร้างผลประโยชน์สูงสุดให้แก่ “ผู้ถือหุ้น”ในองค์กรของตนเอง ในขณะที่ “นักบริหารภาครัฐ” มักจะมุ่งสร้างผลประโยชน์สูงสุดให้กับ “ประชาชนและประเทศชาติ”
2. “นักบริหารภาคเอกชน” มักจะมุ่งแสวงหาผลประโยชน์ทางธุรกิจอย่างไม่มีขอบเขตจำกัดในเรื่องของพรมแดนหรือเขตแดนประเทศ คือ เป็นการมองโลกในลักษณะ “Borderless World” ในขณะที่ “นักบริหารภาครัฐ” จะมุ่งเน้นการปกป้องสิทธิประโยชน์ของประเทศและผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ
ทั้งหมดนี้ ผมคิดว่า น่าจะเป็น “ความคล้ายและความต่าง” ของนักบริหารทั้งสองกลุ่มที่น่าสนใจ เนื่องจากต้องทำหน้าที่ในองค์กรที่มีเป้าหมายต่างกัน...สุดท้ายก็ไม่มีอะไรมากครับ แค่คิดเองเล่นๆ หลังวันแรงงานเท่านั้นเอง....

ไม่มีความคิดเห็น: